เทคนิคการปลูกดาวเรืองจากเมล็ดพันธุ์ดาวเรือง ตัดดอกขาย สร้างรายได้ ไม่ต้องพึ่งโรงงานอุตสาหกรรม
ตอนที่ 1 การเตรียมเพาะเมล็ดดาวเรือง และ วิธีการเพาะเมล็ดดาวเรือง
วัสดุอุปกรณ์
- ถาดเพาะ 200 หรือ 288 หลุม
- พีทมอส (วัสดุเพาะ)
- เมล็ดพันธุ์ดาวเรือง
- Forcep (คีมคีบ)
- ตะกร้าสำหรับกลบเมล็ดดาวเรือง
- ถังพ่นสารเคมี
- สารป้องกัน และกำจัดเชื้อรา (โพรพาโมคาร์บ หรือ เมทาแลกซิล)
- ถุงมือ (ป้องกันสารเคมี)
วัสดุเพาะต้นกล้าดอกดาวเรืองที่แนะนำเป็นวัสดุเพาะที่ผ่านการทดลองใช้แล้ว โดยมีคุณสมบัติ คือ มีความละเอียดปานกลาง ร่วนซุย ระบายน้ำ และระบายอากาศได้ดี เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการเพาะเมล็ดพันธุ์
วิธีการเพาะเมล็ดดาวเรือง
- เตรียมน้ำสำหรับผสมวัสดุเพาะดอกดาวเรืองโดยผสม โพรพาโมคาร์บ อัตรา 0.4 ซีซี ต่อน้ำ 1 ลิตร หรือ เมทาแลกซิล 1 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร เพื่อป้องกันโรคเน่าคอดิน
- ผสมน้ำที่เตรียมไว้กับพีทมอส โดยค่อยๆ เติมน้ำทีละนิด คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นลองบีบวัสดุเพาะเพื่อทดสอบว่า น้ำเข้ากับวัสดุเพาะได้ดีหรือไม่ หากบีบแล้วมีน้ำออกมาเล็กน้อยตามร่องมือ และวัสดุเพาะเกาะกันเป็นก้อนดีถือว่าใช้ได้ หากมีน้ำไหลออกมามากเกินไป ให้ผสมวัสดุเพาะเพิ่ม หรือไม่มีน้ำซึมออกมาแสดงว่าน้ำน้อยเกินไป ให้เพิ่มน้ำและบีบทดสอบอีกครั้ง
3. นำวัสดุเพาะดอกดาวเรืองที่เตรียมไว้ใส่ถาดเพาะ 200 หรือ 288 ให้เต็มหลุม กระแทก ถาดเพาะ 1 ครั้งเพื่อให้วัสดุเพาะดาวเรืองลงถึงก้นหลุม เติมวัสดุเพาะดาวเรืองให้เต็มและปาดให้เรียบพอดีกับหลุม
4. นำถาดเพาะดอกดาวเรืองเปล่ามาวางบนถาดเพาะที่ใส่วัสดุเพาะแล้ว จากนั้นกดถาดเปล่า เพื่อทำหลุม โดยหลุมที่กดควรมีขนาดลึกพอดีกับเมล็ด ประมาณ 0.5 ซม.
5. ทำการหยอดเมล็ดพันธุ์ดาวเรือง 1 เมล็ดต่อ 1 หลุม
6. นำวัสดุเพาะดอกดาวเรืองที่ยังไม่ได้ผสมน้ำมาใส่ตะกร้าเพื่อร่อนกลบเมล็ดดาวเรือง โดยกลบให้มิดเมล็ดดาวเรือง เนื่องจากดาวเรืองไม่ต้องการแสงในการงอก และเป็นการรักษาสภาพความชื้นในการงอกของเมล็ดดาวเรือง
7. พ่นสารเคมี โพรพาโมคาร์ อัตรา 1 ซีซี ต่อ น้ำ 1 ลิตร หรือ เมทาแลกซิล1 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร พ่นให้ทั่วถาดเพาะดาวเรืองเพื่อป้องกันโรคเน่าคอดินอีกครั้ง
8. นำถาดเข้าไปในบริเวณที่พรางแสง 80% – 90% และรักษาความชื้นโดยการพ่นน้ำ อย่าให้ถาดเพาะแห้งจนเกินไปเพราะจะทำให้เมล็ดดาวเรืองไม่งอกหรือแฉะจนเกินไป อาจทำให้เป็นโรคเน่าคอดินในระยะงอกของเมล็ดได้
ตอนที่ 2 การดูเเลต้นกล้าดาวเรือง การย้ายปลูกต้นกล้าดาวเรือง การเตรียมแปลงดาวเรือง การย้ายปลูก และวิธีดูแลหลังย้ายปลูกดอกดาวเรือง
การดูแลต้นกล้าดอกดาวเรือง แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้
- ระยะที่ 1 เป็นระยะที่ต้นกล้าเริ่มงอก
หลังจากเพาะเมล็ดดอกดาวเรืองแล้ว 3-5 วัน ใน ระยะนี้ควรรักษาความชื้นโดยการพ่นน้ำและนำไปในที่ พรางแสง 50%
- ระยะที่ 2 เป็นระยะใบเลี้ยงเริ่มแผ่
โดยใช้เวลาจากระยะแรก 1-2 วัน ควรนำออกแดดจัดเพื่อป้องกันต้นกล้าดาวเรืองยืดเข้าหาแสง ในช่วงนี้ 1-2 วันควรรักษาความชื้นไว้อยู่ เนื่องจากต้นกล้ายังเล็ก เมื้อต้นกล้าแข็งแรงควรปล่อย ให้ผิววัสดุปลูกแห้งบ้างเพื่อป้องกันโรคเน่าคอดิน และจะทำให้ต้นกล้าดาวเรืองแข็งแรงกว่าการให้น้ำตลอดเวลา ในระยะนี้ยังไม่ควรให้ปุ๋ยเนื่องจากต้นกล้าดาวเรืองยังมีอาหารสะสมอยู่ และในตัววัสดุเพาะเองมีการใส่ธาตุอาหารไว้ในระดับหนึ่งแล้ว
- ระยะที่ 3 เป็นระยะที่เริ่มมีใบจริง 1 คู่
เริ่มให้ปุ๋ยทางน้ำโดยผสมปุ๋ยสูตร 15-0-0 (แคลเซียมไนเตรท) หรือปุ๋ย สูตร 20-20-20 อัตรา 3 กรัม ต่อน้ำ 10 ลิตร 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ปุ๋ย 46-0-0 หรือ ยูเรีย เพราะจะทำให้ต้นกล้าดาวเรืองอ่อนแอ
หมายเหตุ : ความชื้นควรปล่อยให้ผิวหน้าวัสดุปลูกแห้ง แต่ต้นไม่เหี่ยว จึงจะทำการรดน้ำหรือให้ปุ๋ยจนชุ่ม
- ระยะที่ 4 เป็นระยะที่เริ่มมีใบจริง 2 คู่
เพิ่มการให้ปุ๋ย โดยให้ปุ๋ยสูตร 15-0-0 หรือ 20-20-20 อัตรา 6 กรัม ต่อน้ำ 10 ลิตร
หมายเหตุ : ความชื้นเหมือนกันกับระยะที่ 3
การเตรียมแปลง การย้ายปลูก และวิธีการดูแลหลังย้ายปลูกดาวเรือง
การไถพรวน
ควรไถลึกประมาณ 30 – 50 ซม. และหว่านปูนขาวโดโลไมท์อัตรา 200 – 400 กก./ไร่ เพื่อปรับสภาพดินตากทิ้งไว้ 4 – 5 วัน จากนั้นตีพรวนดินให้ละเอียด และขึ้นแปลงปลูกดาวเรืองขนาด 1.20 เมตร สำหรับแปลงคู่ และ 40 – 50 ซม. สำหรับแปลงเดี่ยว
การใส่ปุ๋ยรองพื้น
ก่อนปรับแปลงปลูกควรเพิ่มธาตุอาหารให้เป็นไปตามความต้องการของดอกดาวเรือง ในปริมาณที่เพียงพอ เช่น หว่านปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 25 – 30 กก./ไร่ ถ้าหากดินที่ทำการปลูกดาวเรืองเป็นดินเหนียวควรเพิ่มอินทรีย์วัตถุลงไป เช่น ปุ๋ยคอก ขี้ไก่ ขุ๋ยมะพร้าว และ อื่นๆ เมื่อทำการหว่านปุ๋ย หรือเติมอินทรีย์วัตถุลงไปแล้วให้คลุกเคล้าและเกลี่ยแปลงดอกดาวเรืองให้เรียบ
วิธีการย้ายปลูกดาวเรือง
ควรย้ายต้นกล้าดาวเรืองที่มีอายุไม่เกิน 20 วัน หรือมีจำนวนใบจริง 2-3 คู่ ไม่ควรย้ายต้นกล้าดาวเรือง ที่มีอายุมากเกินไปเพราะระบบรากจะแผ่กระจายได้ช้า เนื่องจากระบบรากนั้นแก่เกินไป ดังนั้นควรย้ายกล้าดาวเรืองระหว่าง 15-20 วัน จะทำให้รากของต้นกล้าดาวเรืองมีการพัฒนาได้ดีกว่า การหาอาหารของรากก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ช่วงเวลาในการย้ายปลูกดาวเรือง
ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การย้ายปลูกกล้าดาวเรืองคือช่วงเย็น (แดดไม่แรง) เพื่อช่วยลดการสูญเสียน้ำของต้นกล้าส่งผลให้ต้นกล้าดอกดาวเรืองมีการตั้งตัวได้ดีหลังการย้ายปลูก
ระยะที่เหมาะสมต่อการปลูกดาวเรือง
ระยะปลูกดอกดาวเรืองในแต่ละฤดูกาลจะมีความแตกต่างกันตามความเหมาะสม ดังนี้
- ฤดูร้อน และ ฤดูหนาว ระยะ 35-40 ซม. X 35-40 ซม. แนะนำให้ปลูกแถวคู่ จะให้ผลดีกว่าแถวเดี่ยว เนื่องจากแถวคู่จะช่วยเก็บความชื้นในดินได้ดีกว่าแถวเดี่ยว
- ฤดูฝน ระยะ 50 ซม. X 50 ซม. แนะนำให้ปลูกแถวเดี่ยว เนื่องจากจะสามารถช่วยลดการเกิดโรคพืชได้ ความลึกของหลุมประมาณ 4-5 ซม. และพยายามปลูกต้นกล้าดาวเรืองให้ตั้งตรง
การให้น้ำ
ช่วงหลังการย้ายปลูกดอกดาวเรืองควรให้น้ำสม่ำเสมอจนต้นฟื้นตัว ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นควรรักษาความชื้นในดินให้เหมาะสมไม่แห้งจนต้นดอกดาวเรืองเหี่ยว และไม่แฉะหรือน้ำขังเป็นเวลานานเกินไป หากดินขาดความชื้นจะทำให้แมลงพวกเพลี้ยไฟ ไรแดง ระบาดได้ง่าย และหากดินมีน้ำขังหรือแฉะจนเกินไปก็จะทำให้เกิดโรคได้ง่ายเช่นกัน
การให้ปุ๋ย
แนะนำให้ละลายน้ำรดเพราะพืชจะสามารถนำไปใช้ได้เลย อัตรา 1 กก. /น้ำ 100 ลิตร 1 ครั้งต่อสัปดาห์
หมายเหตุ – ควรหลีกเลี่ยงปุ๋ยสูตร 46-0-0 , 25-7-7 หรือพวกแอมโมเนียม เพราะจะทำให้เป็นโรคไส้กลวง ในช่วงฤดูฝน ให้ธาตุอาหารรอง เช่น แคลเซียม, โบรอน หรือธาตุอาหารอื่นที่จำเป็น
วิธีการดูเเลหลังย้ายปลูกดาวเรือง
การกลบโคน
การกลบโคนต้นถือเป็นสิ่งสำคัญในการปลูกดาวเรือง เนื่องจากการกลบโคนจะช่วยให้ดาวเรืองแตกรากใหม่ออกมาได้มากขึ้น ทำให้ดาวเรืองสามารถหาอาหารได้มากขึ้น การเจริญเติบโตก็มากขึ้นตามไปด้วย ควรกลบโคนอย่างน้อย 2 ครั้ง ในช่วงหลังเด็ดยอดและก่อนออกดอก โดยการโรยปุ๋ยเม็ดสูตร 15-15-15 และทำการกลบโคนให้ชิดกับข้อใบคู่ล่างสุด
การเด็ดยอด
ควรทำการเด็ดยอดดอกดาวเรืองหลังการย้ายปลูกประมาณ 10 – 15 วัน ต้องมีใบจริงอย่างน้อย 3 คู่ เด็ดยอดออก 1 คู่ โดยใช้มือด้านหนึ่งจับข้อที่ต้องการเด็ด และโน้มกิ่ง ด้านบนลงจนหักชิดข้อที่จับ ช่วยในการแตกทรงพุ่ม ของลำต้นและความสูงให้สม่ำเสมอกัน แต่ดาวเรือง ที่ทำการเด็ดยอดจะทำให้การออกดอกช้าลงประมาณ 1 สัปดาห์ ในช่วงวันสั้นหรือฤดูหนาว แนะนำให้เด็ดยอดเพื่อให้ลำต้นสมบูรณ์แข็งแรง ไม่ออกดอกเร็วจนเกินไป
การจัดการเพื่อให้ดาวเรืองออกดอกต่อเนื่อง
- ตัดดอกที่เสียออกจากแปลงปลูก
- ให้ความชื้นสม่ำเสมอ
- ให้ธาตุอาหารรอง เช่น แคลเซียม โบรอน แมกนีเซียม สังกะสี หรือธาตุอาหารอื่นที่จำเป็น